Sunday, 29 June 2008
L'eau a La bouche : Reataurant : Cuisine Traditionnelle et Lao - Thai : Saint - Tropez
Cuisine Traditionnelle et Lao - Thai :
Saint - Tropez
43 Rue Portail Neuf - 83990 Saint - Tropez
Reservation: 04 94 96 03 15
mano08@wanadoo.fr
พี่มนู
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น
Restaurant Thai : Paris : Thaï Oria : NATT work here
Cuisine du monde97 bd de la Mission Marchand
92400 COURBEVOIE Voir le plan d'accès
la Défense ou bus N°272 - 262- 161- 378
A - La Défense
Tél. 01 47 68 11 92Fax 01 47 68 11 76
Site web: http://www.thaioria.com/
Contactez-nous
Agrandir le plan
Restaurant Chinois : Escale de Chine : Cannes - Cote Azur : P'HEING
58, Rue Jean Jaures
06400 CANNES - Cote d' Azur
Tel. 04 93 99 15 99
ou 04 93 39 01 32
FAX 04 93 38 27 34
HEING Mobile Phone : 06 630 62 782
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น
Saturday, 28 June 2008
Thursday, 12 June 2008
ตามรอย A YEAR IN PROVENCE (ปีเตอร์) ที่ Le Bistrot du Paradou
ตามรอย A YEAR IN PROVENCE (ปีเตอร์) ที่ Le Bistrot du Paradou...
โดย Mme. FRANCE...
"เมื่อถึงเวลา 12.30 น. ทุกที่นั่งจะเต็มหมด และคุณกินดื่มตามที่คนเสริฟยกมาให้ ร้านอาหารบริการง่ายๆด้วยการปลดภาระในการเลือกสั่งจากลูกค้า" คำพูดนี้ปีเตอร์ผู้เขียนหนึ่งปีแสนสุขในเขียนบรรยายไว้.... ...เมือง Le Paradou (เลอ ปาราดู) เป็นที่ตั้งของร้านชื่อ Le Bistrot du Paradou (เลอ บริสโต ดู ปาราดู) ร้านในบ้านเก่าที่สร้างด้วยหิน เปิดให้บริการลูกค้าทั้งชาวต่างชาติและลูกค้าประจำมานานกว่า 19 ปีแล้ว และยังเป็นร้านที่ชาวฝรั่งเศสเรียกว่า Gastrochic (อาหารชั้นเลิศ) ...เจ้าของร้านชื่อ M. Jean Pons ทำหน้าที่รับแขก และ Mme Mireille Pons เป็นคนทำครัวด้วยตัวเอง ที่นี่เปิดขายเฉพาะอาหารเที่ยง เว้นแต่ช่วงฤดูร้อนจะเปิดบริการในช่วงเย็นด้วย มาร้านนี้ต้องโทรจองล่วงหน้าเพราะถ้า walk in เข้ามาเกรงว่าจะเต็มค่ะ ที่อยู่ 57 AV. De la Vallée des Baux Paradou 13520 Tel 00 33 490 54 32 70
Credit Link: http://allezprovence.free.fr/psparadou.html
ร้านอาหารแนะนำที่ AIX EN PROVENCE : France
ขอแนะนำร้านอาหาร le passage เป็นร้านอาหารที่ตั้งอยู่ในเมือง AIX EN PROVENCE เมืองทางตอนใต้ของฝรั่งเศส
Link: http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=francestory&group=2
Wednesday, 11 June 2008
MAP : Cannes to Saint-Rémy-de-Provence, Bouches-du-Rhône, Provence-Alpes-Côte d'Azur, ฝรั่งเศส
218 กม. – ประมาณ 2 ชั่วโมง 17 นาที
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น
Tuesday, 10 June 2008
Monday, 9 June 2008
รอบรู้ ก่อนเดินทาง สู่….ประเทศ ฝรั่งเศส
ในหน้านี้จะรวมทุกอย่าง เกี่ยวกับประเทศ ฝรั่งเศส เชิญชมครับ
ภาพถ่ายที่ ฝรั่งเศส ครับ จากคุณ AM
เวบไซต์ สถานทูตฝรั่งเศส ประจำประเทศไทย จากคุณ น้าคุณ
รอบรู้ ก่อนเดินทาง สู่….ประเทศ ฝรั่งเศส
ความรู้ทั่วไป
จำนวนประชากร : 58.3 ล้านคน ( 01 มกราคม 2539) เป็นอันดับที่ 17 ของโลก
ความหนาแน่นของประชากร : 105 คน ต่อตารางกิโลเมตร
พื้นที่ : มีพื้นที่ 551,000 ตารางกิโลเมตร เป็นประเทศที่มีพื้นที่กว้างขวางที่สุดในยุโรป หรือหนึ่งในสี่ของพื้นที่ในประชาคมเศรษฐกิจยุโรป หากมองดูจากแผนที่ประเทศฝรั่งเศสแล้ว จะเห็นว่าเป็นเหมือนรูปหกเหลี่ยม ดังนั้นบางครั้งคนฝรั่งเศสจึงเรียกประเทศของตนว่า L'hexagone ซึ่งแปลว่ารูปหกเหลี่ยม
การปกครอง : การปกครองแบบรัฐธรรมนูญปี 1958 แก้ไขเพิ่มเติมเมื่อปี 1962 มีประธานาธิบดีเป็นประมุขของประเทศ (คนปัจจุบัน President Jacques Chirac) เข้าดำรงตำแหน่งโดยการเลือกตั้ง ซึ่งมีขึ้นทุกๆ 7 ปี ประธานาธิบดีจะเป็นผู้แต่งตั้งนายกรัฐมนตรี และแต่งตั้งคณะรัฐมนตรีตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอ
รัฐสภา ประกอบด้วย 2 สภา
สภาผู้แทนราษฎร ซึ่งประกอบด้วยสมาชิก (สส) ที่มาจากการเลือกตั้งทุกๆ 5 ปี
วุฒิสภา ประกอบด้วยสมาชิกที่ได้รับการเลือกตั้งทางอ้อมทุกๆ 9 ปี และ 1 ใน 3 ของจำนวนสมาชิกเลือกตั้งทุกๆ 3 ปี
เพลงชาติ ลา มาร์แซยแยสา (La Marseillaise) แต่งโดย รูเชต์ เดอ ลิลล์ (Rouget De Lisle) โดยคำสั่งของนายกรัฐมนตรีเมืองสตราสบูร์กเมื่อปี 1792 เดิมมีชื่อว่า าเพลงรบกองทัพแห่งไรน์า (Chant de Guerre pour I'Armee du Rhine) ซึ่งมีท่วงทำนองและเนื้อร้องที่เร้าใจ ทำให้เพลงนี้ติดปากชาวฝรั่งเศส และเปลี่ยนมาเป็นเพลงประจำชาติในชื่อของ าลา มาร์แซยแยสา เมื่อปี 1795
ธงชาติ ธงไตรรงค์ หรือ Tricolore เป็นธงต้นฉบับของธงชาติที่หลายประเทศนำมาใช้ ซึ่งประกอบด้วย 3 สี คือ แดง น้ำเงิน ขาว เดิมทีธงลาฟาแยต (La Fayette) ซึ่งในขณะนั้นมี 2 สี คือ แดง และ น้ำเงิน อันเป็นสัญลักษณ์ของกองทหารรักษาพระนครในกรุงปารีสได้ก่อการปฏิวัติ ต่อมาในปี 1789 (พ.ศ. 2332) มีการเพิ่มสีขาวอันเป็นสัญญลักษณ์แห่งความภักดีต่อสถาบันกษัตริย์ในพระราชวงศ์บูร์บองส์เข้าไป และได้นำมาใช้เป็นธงชาติมาตราบเท่าทุกวันนี้
ภูมิอากาศ มี 3 ประเภท คือแบบภาคพื้นสมุทร แบบภูเขา และแบบเมดิเตอร์เรเนียน ในส่วนของนครปารีส นั้น มีอุณหภูมิโดยเฉลี่ยทั้งปี 12 องศาเซลเซียส แต่เอาแน่อะไรกับภูมิอากาศปารีสไม่ค่อยได้ ฝนตกได้ทุกฤดูกาล และบางทีอุณหภูมิหน้าหนาวลดลงกว่า 3 องศาเซลเซียส เรียกได้ว่าถ้าจะไปปารีส ก็ต้องเตรียมตัวรับหลายสถานการณ์ ทางใต้ของฝรั่งเศส มีอากาศอบอุ่นที่สุดเป็นเขตที่มีลมชื่อ มิสทรัล (Mistral) พัดผ่านในราวฤดูใบไม้ผลิ
ตารางอากาศ อุณหภูมิสูงสุดต่ำสุดของแต่ละเดือน ( C)
เมือง ม.ค. ก.พ. มี.ค. เม.ย. พ.ค. มิ.ย. ก.ค. ส.ค ก.ย. ต.ค. พ.ย. ธ.ค.
ปารีส 7/10 8/1 11/2 16/6 20/9 22/11 25/14 24/14 21/11 16/8 10/4 8/1
นีส 12/5 13/6 15/8 17/10 20/12 22/17 27/19 27/19 25/18 21/12 16/9 14/16
เงินตรา และธนาคาร
หน่วยเงินของฝรั่งเศส : คือฟรังค์ (FF) 1 ฟรังค์มีค่าเท่ากับ 100 ซองตีม (เซนต์) ซึ่งมีมูลค่าเป็นเงินไทยประมาณ 7 บาท (เดือน มิถุนายน 2541) ธนบัตรฝรั่งเศสมีมูลค่า 500,200,100,50 และ 20 ฟรังค์ เงินเหรียญของฝรั่งเศสมีมูลค่า 50,20,10 และ 5 ซองตีม เหรียญ 50 ซอง จะออกมาในลักษณะ ฟรังค์
ธนาคารบางแห่งในฝรั่งเศสอาจจะไม่รับแลกเงิน ดังนั้นนักท่องเที่ยวมีความประสงค์จะแลกเงิน สามารถแลกได้จากธนาคารที่มีคำว่า Exchange เขียนบอกไว้ หรือจากที่ทำการไปรษณีย์ที่มีเคาน์เตอร์สำหรับแลกเงิน เวลาทำการของธนาคารบางแห่งอาจจะแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับแต่ละท้องที่ เช่นธนาคารที่อยู่ในเมืองทางเมืองทางตอนเหนือของฝรั่งเศสจะเปิดวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 9.30-16.30 หรือ 17.15 น. บางแห่งอาจจะหยุดพักเที่ยงด้วย ธนาคารที่อยู่ในเมืองทางใต้ส่วนใหญ่จะเปิดวันอังคาร-เสาร์ เวลา 8.00-12.00 น. และ 13.30-16.30 น. และเคาน์เตอร์สำหรับแลกเงินของธนาคารมักจะปิดทำการเร็วกว่าเวลาปิดบริการของธนาคารครึ่งชั่วโมง หากพกเงินเป็นจำนวนมาก ขอแนะนำให้ใช้เช็คเดินทางจะปลอดภัยกว่า ในกรณีของบัตรเครดิตเป็นที่ยอมรับทั่วไปในประเทศ ได้แก่ วีซ่าการ์ด นิยมมากที่สุด ตามด้วยมาสเตอร์การ์ด ไดเนอร์คลับ และบัตรอเมริกันเอ็กซ์เพรส ตามลำดับ
การทิป : ตามกฏหมายฝรั่งเศส ร้านอาหารหรือภัตตาคาร สามารถคิดค่าเซอร์วิสชาร์จได้ ประมาณ 10-15% ของราคาอาหาร ดังนั้นการทิปอาจจะไม่จำเป็นเท่าไรนัก แต่คนส่วนมากมักจะทิ้งเศษเหรียญ หรือเงินสัก 2-3 ฟรังค์ ไม่ว่าจะกินกันในจำนวนเงินแค่ไหนก็ตาม หรือถ้าเราพอใจการบริการของเขา ก็อาจจะทิปให้มาก ถ้าไปนั่งกินกาแฟที่ร้าน ควรจะทิ้งเงินทิปไว้สัก 1 ฟรังค์ แต่ถ้าบริการไม่ดีก็ไม่จำเป็นต้องทิปก็ได้ ทั้งนี้ในส่วนของเท็กซี่ และโรงภาพยนต์ ปกติจะทิปประมาณ 2-3 ฟรังค์
โทรศัพท์
โทรศัพท์สาธารณะในฝรั่งเศสมีทั้งแบบใช้บัตรและแบบหยอดเหรียญ ถ้าเป็นในเมืองใหญ่ๆ มักจะเป็นแบบใช้บัตร บัตรโทรศัพท์มี 2 มูลค่า คือ 40 ฟรังค์ มี 50หน่วย และ 96 ฟรังค์ มี 120 หน่วย หากจะโทรศัพท์กลับมาเมืองไทยขอแนะนำให้ใช้บัตรโทรศัพท์จะสะดวกกว่าแบบหยอดเหรียญ หาซื้อบัตรโทรศัพท์ได้ที่ที่ทำการไปรษณีย์ แผงขายหนังสือที่มีอยู่ทั่วไป หรือตามสถานีรถไฟ และร้านขายของที่มีเขียนป้ายติดว่าจำหน่ายบัตรโทรศัพท์ หรือ าTelecarteา
หากจะโทรศัพท์มาประเทศไทยด้วยโทรศัพท์สาธารณะจะต้องหมุน 19+66+รหัสเมือง+หมายเลขที่ต้องการ
หากอยู่ที่เมืองอื่นๆในฝรั่งเศส นอกเหนือจากเมืองปารีสและต้องการจะโทรศัพท์มายังปารีส หมุนหมายเลข16+1+หมายเลขที่ต้องการ
ถ้าอยู่ในปารีสและต้องการโทรศัพท์ไปยังเมืองอื่นๆ ให้หมุนหมายเลข 16+หมายเลขที่ต้องการ
หมายเลขโทรศัพท์ที่ควรรู้ 13-โอเปอร์เรเตอร์ 1614-โอเปอร์เรเตอร์สำหรับระหว่างประเทศ
ไฟฟ้า กระแสไฟที่ฝรั่งเศสใช้คือ 220 โวลท์ เป็นปลั๊กชนิด 2 ตา บางพื้นที่เป็นปลั๊กชนิด 3 ขา
น้ำประปา น้ำประปาในฝรั่งเศสสะอาดสามารถดื่มได้จากก๊อก น้ำจากก๊อกที่ไม่สะอาดพอจะมีป้ายบอกไว้เสมอว่า าไม่สามารถดื่มได้า หรือ eau non potable
เวลา เวลาของฝรั่งเศสจะช้ากว่าที่เมืองไทย 6 ชั่วโมง
เวลาทำงานและประกอบกิจการ
สำนักงานส่วนใหญ่จะเปิดทุกวัน ยกเว้นวันอาทิตย์และบางแห่งวันจันทร์ ชั่วโมงทำการคือ 9.00 หรือ 10.00 น.-18.30 หรือ 19.00 น. หยุดพักเที่ยงตั้งแต่ 12.00 หรือ 13.00 น.-14.00 หรือ 15.00 น. ร้านค้าทั่วไปจะเปิดร้านประมาณ 9.00-18.00 น. ตั้งแต่วันจันทร์-เสาร์ และมักพักตอนเที่ยง มีร้านค้าจำนวนมากที่จะปิดในช่วงวันจันทร์ และแทบทุกร้านจะไม่เปิดขายสินค้าในวันอาทิตย์โดยเฉพาะช่วงบ่ายเลย ร้านขนมปัง มักจะเปิดกันตั้งแต่ 7.00 น. และหยุดพักตอนเที่ยง หลังจากนั้นจะเปิดอีกครั้งจนถึงเวลาประมาณ 19.00 น. หรือเกินกว่านั้น ส่วนร้านที่ไม่หยุดพักในตอนเที่ยง ได้แก่ซูเปอร์มาเก็ต ห้างสรรพสินค้า
ช้อปปิ้ง
น้ำหอม นักท่องเที่ยวทั่วไปนิยมซื้อน้ำหอมยี่ห้อที่ฝรั่งเศสเป็นต้นตำรับ ซึ่งราคาจะถูกกว่าที่นำมาขายในต่างประเทศมาก เมืองที่มีชื่อเสียงในการผลิตหัวน้ำหอมกลิ่นต่างๆ ได้แก่เมืองนีส คานส์ ริเวียร่า เป็นต้น ยี่ห้อน้ำหอมที่ขึ้นชื่อที่ฝรั่งเศสเป็นเจ้าตำรับได้แก่ Christian Dior และน้ำหอมของ Caron, Givenchy, Rochas, Guerlain, Paco Rabanne เป็นต้น
เสื้อผ้าและสินค้าแฟชั่น ฝรั่งเศสมีชื่อเสียงมากโดยเฉพาะศูนย์รวมของดีไซเนอร์ชื่อดัง และเป็นต้นฉบับของแฟชั่นทั่วโลก
เครื่องดื่มที่มีแอลกฮอล์
ฝรั่งเศสมีชื่อด้านนี้อย่างมากโดยเฉพาะอย่างยิ่ง คือ การเป็นแหล่งผลิตของไวน์ และแชมเปญที่สำคัญที่สุดของโลกในปัจจุบัน
ไวน์ (Vin) หรือเหล้าองุ่นเริ่มผลิตขึ้นในฝรั้งเศสเป็นครั้งแรกตั้งแต่ยุคโรมัน โดยกองทัพโรมันที่เข้าปราบปรามอนารยชนได้นำวิธีการทำเหล้าองุ่นมาเผยแพร่และได้สืบทอดการทำไร่องุ่น และเหล้าไวน์มาจนปัจจุบัน ในหมู่นักดื่มไวน์นั้น ถือว่าไวน์ฝรั่งเศสเป็นไวน์ที่ดีทีสุดในโลก แหล่งผลิตไวน์ที่ขึ้นชื่อไดแก่ บอร์โดซ์ (Bordeux) เบอร์กันดี ชองปาญ อัลซาส ลัวร์ โรน โพรวองซ์ จูราและซาวอย และทางตอนใต้สุดของประเทศ
ไวน์แบ่งออกเป็น 3 สี คือ ไวน์ขาว (Blanc) ไวน์แดง (Rouge) และไวน์สีชมพู (Rose) โดยทั่วไปจะนิยมไวน์ขาว และไวน์แดง แต่ไวน์สีชมพูจะไม่เป็นที่นิยมและมักถือว่าเป็นไวน์ที่ดื่มเล่นๆเสียมากกว่า
รสชาติของไวน์นั้นจะแบ่งออกเป็น
But = ธรรมดา, Sec = หวานเล็กน้อย, Demi-sec = หวาน, Doux = หวานมาก
คุณภาพของไวน์ที่ผลิตในฝรั่งเศสนั้นรัฐจะควบคุมให้ได้มาตรฐาน โดยแบ่งออกเป็น 4 ลำดับขั้น คือ
1) Appellation d'Origine Controlee (AOC) เป็นไวน์ที่แจ้งรายละเอียดการผลิต ที่ผลิต การบรรจุขวด การบ่มไวน์อย่างละเอียดบนป้ายฉลาดขวด เป็นไวน์คุณภาพสูง และสามารถมีราคาสูงได้เป็นพันเป็นหมื่นบาทขึ้นอยู่กับปีที่ผลิตเป็นสำคัญ
2) Vins Delimite de Qualite Superieure (VDQS) เป็นไวน์คุณภาพสูง เช่นเดียวกับไวน์ที่มี AOC ต่างกันตรงเป็นไวน์ที่ผลิตจากแหล่งใดแหล่งหนึ่งหรือสถานที่แห่งหนึ่งเป็นพิเศษ ซึ่งสถานที่นั้นๆได้รับการรับรองว่าผลิตไวน์ได้คุณภาพ เช่นไวน์จากบอร์โดซ์ ซึ่งจะบรรจุขวดรูปทรงไม่เหมือนกับไวน์ที่อื่นๆ ไวน์แบบนี้มีราคาสูงเช่นกัน
3) Vin de Pays หรือไวน์ท้องถิ่น ราคาไม่ค่อยแพง คุณภาพปานกลางมักเสิร์ฟตามร้านอาหารทั่วไป
4) Vin De Table หรือไวน์ธรรมดาๆ คุณภาพปานกลาง มักเสิร์ฟตามร้านอาหารแบบชาวบ้านโดยใส่มาเป็นเหยือก (carafe)
องุ่นต่างพันธุ์จะให้รสชาติของไวน์ที่ต่างกันไป ชื่อพันธุ์องุ่นจะถูกบ่งบอกไว้ที่ขวดด้วย พันธุ์องุ่นที่กล่าวกันว่าดี ให้ไวน์รสกลมกล่อม นุ่มละมุนเป็นที่นิยมกันก็ คือ
pinot noir, pinot gris, pinot blanc, muscat, riesling, cabernet sauvignon, cabernet franc, merlot, petit verdot, malbec, muscadet, sauvignon, chenin blanc, gamay
นอกจากนี้ยังมีประเภท เครื่องสำอาง, กระเป๋าและเครื่องหนัง, ผ้าลูกไม้ฝรั่งเศส
อาหารการกิน
ในสมัยก่อนคนฝรั่งเศสสามัญชนโดยเฉพาะในชนบท จะถืออาหารกลางวันเป็นอาหารหลัก ส่วนในราชสำนักจะถือมื้อเย็นเป็นสำคัญ แต่ในปัจจุบันเวลาอาหารปกติ คือ กลางวัน 12.00-14.00 น. เย็น 20.00-22.00 น.
เพราะฉะนั้นตามเมืองใหญ่ๆ โดยเฉพาะปารีสร้านอาหารอาจเปิดประมาณ 11.30 น. ถึง บ่าย 2 โมง และเปิดอีกครั้งเวลา หนึ่งทุ่มไปจนถึงเที่ยงคืน บางร้านอาจเปิดไปจนถึงตีสองหรือตีสามเพื่อรับนักท่องเที่ยวราตรีโดยเฉพาะ
อาหารเย็นแบบเต็มยศ จะประกอบด้วยอาหารตั้งแต่ 6 จาน (คอร์ส) ขึ้นไป เสิร์ฟไวน์ตลอดเวลา ไม่นิยมเครื่องดื่มชนิดอื่นระหว่างรับประทานอาหารนอกจากน้ำหากไม่ดื่มไวน์
ภัตตาคารที่หรูหราจะเสิร์ฟอาหารแบบเต็มยศ ซึ่งจะสั่งเพียง 2 หรือ 3 คอร์สก็ได้ การสั่งอาหารในภัตตาคารหรูจะเรียงลำดับดังนี้
1. Aperitif (เหล้า หรือ เครื่องดื่มสำหรับจิบเรียกน้ำย่อย)
2. Entree และ/หรือ ออร์เดิร์ฟ (อาหารจานแรก อาจมีซุปต่ออีกคอร์สก็ได้)
3. Plat Pricipal (อาหารจากหลัก)
4. Salade (สลัดเสิร์ฟเคียงกับอาหารจานหลัก)
5. Fromage (เนยแข็งชนิดต่างๆ วางบนถาดไม้)
6. Dessert (ของหวาน)
7. Fruit (ผลไม้)
8. Cafe หรือ The (กาแฟ หรือ ชา)
9. Degestif (เหล้าหลังอาหาร)
รูปแบบของอาหาร ได้มีการแบ่งรูปแบบอาหารออกเป็นลำดับชั้น คือ
1. Haute Cuisine อาหารที่ปรุงอย่างหรูหราสำหรับคนร่ำรวยใช้เวลาในการเตรียมนาน และเมื่อเสิร์ฟก็ต้องตกแต่งอย่างสวยงาม
2. Cuisine Bougeoise อาหารที่ทำกินกันเองในบ้าน แต่ใช้เครื่องปรุงที่มีคุณภาพ
3. Nouvelle Cuisine อาหารแนวใหม่ใช้เครื่องปรุงธรรมชาติแบบดูแลสุขภาพ เหมาะสำหรับผู้ที่สนใจลดน้ำหนัก
4. Cuisine des Province อาหารพื้นบ้านชนบทใช้เนื้อสัตว์และผักนานาชนิด โดยไม่แปรรูปให้วิจิตรพิสดาร
ร้านอาหาร ร้านอาหารในฝรั่งเศสแม้หน้าตาคล้ายๆ กัน แต่อาจเรียกไม่เหมือนกัน ด้วยลักษณะของอาหารที่ขายรวมทั้งเครื่องดื่มด้วย
1. Restaurant คือ ภัตตาคาร มักจะขายอาหารเฉพาะอย่างเช่น อาหารไทย, อาหารเวียดนาม หรืออาหารทะเล รวมทั้งร้านที่ขายเฉพาะอาหารฝรั่งเศสด้วย จะเปิดขายอาหารกลางวันถึงประมาณบ่ายสามโมงแล้วปิด จะขายอาหารเย็นอีกครั้งราวหกโมงครึ่งไปจนถึง 4-5 ทุ่ม การสั่งอาหารจะค่อนข้างใช้เวลานาน
2. Brasserie คือ ร้านอาหารที่เปิดขายตั้งแต่เช้าจรดเย็นโดยไม่มีเวลาหยุดพัก และมีอาหารเสิร์ฟทั้งวัน
3. Cafe คือร้านกาแฟ เป็นแหล่งชุมชนของผู้คนในละแวกนั้น จะเสิร์ฟอาหารแบบง่ายๆ อาทิ แซนวิช หรือ ครัวซอง แต่ส่วนใหญ่จะเป็นกาแฟ หรือเครื่องดื่มอื่นๆ
4. Salon de The เป็นภาคที่หรูหราของคาเฟ่ เสิร์ฟอาหารเบาๆ พวกสลัด หรือ แซนวิช และมีขนมอบ ขนมหวาน เครป และไอศกรีมให้รับประทาน ส่วนใหญ่จะเปิดสายๆถึงหัวค่ำ
5. Boulandgerie หรือร้านขายขนมปัง สดใหม่น่ารับประทาน จะเปิดแต่เช้าและปิดตอนใกล้ค่ำ
6. Patisserie ร้านขายขนมอบนานาชนิด ไม่ว่าจะเป็นเพสตรี เอแคลร์ หรือครัวซอง บางร้านมีโต๊ะวางไว้เผื่อลูกค้าจะนั่งในร้าน และมีชา กาแฟเสิร์ฟ ด้วย
7. Confiserie หมายถึงร้านที่ขายของหวานจำพวกช็อคโกเลต ลูกกวาด ผลไม้เชื่อม ในบางร้านอาจมีเค้ก พาย ที่แต่งอย่างหน้ารัก สวยงาม และพอคำ
อาหารจานเด็ด หากไปถึงฝรั่งเศสอย่าลืมลิ้มลองอาหารขึ้นชื่อเหล่านี้
1. Fruits de mer คืออาหารทะเลสดๆ ประกอบด้วยกุ้ง หอย และปูหลากชนิดลวกพอสุก จัดวางบนน้ำแข็งเกล็ดในถาดใบโต รับประทานโดยการบีบมะนาว และจิ้มน้ำส้มสายชูใส่หัวหอมซอย ถ้าจะให้ดีต้องกลั้วคอด้วยไวน์ขาว และแนมให้หนักท้องด้วยข้าวไรย์ทาเนย อาหารจานนี้เป็นอาหารเมืองชายทะเลภาคตะวันตก
2. Cog au vin หรือ ไก่อบซอสไวน์แดงใส่หอม และเห็ดดุม เป็นอาหารที่ภัตตาคารแทบทุกแห่งจะต้องบรรจุไว้ในเมนู
3. Soupe a l oignon หรือซุบหัวหอม เป็นอาหารที่สำคัญอีกจานหนึ่ง หอมหัวใหญ่จะถูกหั่นเป็นเส้นบางๆ เคี่ยวจนเกือบเละในน้ำซุปรสเข้ม เมื่อจะเสิร์ฟ จึงลอยขนมปังที่อบร้อนโดยมีเนยแข็งวางอยู่ข้างบน
4. Escargots a la Bourguignonne หอยทากเอสคาร์โกอบจนสุก พอออกจากเตาร้อนๆก็เอาเนยสดที่ผสมเครื่องเทศใส่ลงไปจนเต็มปากหอย รับประทานเรียกน้ำย่อย
5. Pate de foie gras ตับบดปรุงรสด้วยเครื่องเทศ ทำจากตับห่านหรือตับเป็ด หากไม่บดก็อาจเป็นชิ้นๆ ปรุงด้วยเหล้าบรั่นดี
ขนมปัง
ขนมปังของฝรั่งเศสที่เรียกว่า บาแกตต์ (Baquette) มีเอกลักษณ์พิเศษกว่าใคร ด้วยการทำเป็นทรงยาวกว่า 2 ฟุต เส้นผ่าศูนย์กลาง 2-3 นิ้ว เวลาทานมักบิออกด้วยมือ หรือฝานออกเป็นชิ้นๆ อีกชนิดที่นิยมคือ ครัวซอง
ขนมหวาน
ขนมหวานที่เป็นที่รู้จักกันดี ได้แก่
1. เครป (Crepe) เป็นเสมือนอาหารว่างมากกว่า พบเห็นทั่วไป ที่ขึ้นชื่อที่สุดคือ เครปซูเซตต์ หรือเครปน้ำตาลใส่น้ำส้มและเหล้า
2. มารองกลาสเซ่ (Marron Glace) หรือเกาลัดเชื่อมหวานสนิม ร้านที่ขายที่ขึ้นชื่อ คือร้าน Fauchon
3. เอแคลร์ (Eclair) ขนมอบใส่ใส้ครีม
ขนมว่าง
เป็นอาหารง่ายที่กินระหว่างมื้อ ที่ขึ้นชื่อก็คือ โคร้ก เมอซิเออร์ (Croque monsieur) ซึ่งเป็นแซนวิชวางแฮมและเนยแข็งไว้ข้างบนแล้วเข้าอบ ถ้าวางไข่ดาวด้วยเรียก โคร้ก มาดาม (Croque madam)
เนยแข็ง
ชนิดของเนยแข็งฝรั่งเศสที่ขึ้นชื่อ อาทิ
1. รอคฟอร์ต (Roquefort) เนยกลิ่นแรงรสจัดมีเส้นสีฟ้าๆอยู่ในเนื้อเนย
2. กามองแบร์ (Camembert) เนยสีขาวนวลเนื้อนิ่ม มีเปลือกสีขาวรอบนอก ซึ่งกินได้ แต่ไม่ค่อยกิน
3. บรี (Brie) เนยสีฟ้า หรือ Blue
ภาษาฝรั่งเศสที่ควรรู้
ไทย ฝรั่งเศส ออกเสียง
สวัสดี (ตอนเช้า) Bonjour บงชู
สวัสดี (ตอนเย็น) Bonsoir บงซัว
ลาก่อน Au revoir โอ (เครอ) วัว
ใช่ Oui หวิ
ไม่ Non น็อง
กรุณา S'll vous pla t ซิล วู เปล
ขอบคุณ Merci แม็ก ซิ
ขอโทษ Pardon ปากดง
Excusez-moi เอกซ์กูเซ มัว
สบายดีหรือ Comment allez-vous กอมมอง ตาเล วู้
คุณชื่อว่าอะไร Comment Vous กอม มอง วู
ฉันชื่อว่า Je m'appelle เชอ มาแปล์ว
ของนี้ราคาเท่าไร C'est combien เซ กง เบียง
ของนี้แพงเกินไป C'est trop cher เช โทรบ์ แชร์
ฉันต้องการซื้อ Je voudrais acheter เชอ วูเดร อะ เชเต้
ห้องน้ำอยู่ไหน Ou est la toillette อู เอ ลา ตัวแลต
Hotels in Paris:Hotels Paris, France -offer up to 75% discounts on all hotels in Paris
เวบของสถานทูตประเทศ ฝรั่งเศส
Credit Link: http://www.vacationzone.co.th/index_france.asp
Sunday, 8 June 2008
Paris : Nat Address
3 Rue Gavarni 75116 Paris France
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น
View Larger Map
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น
France : Travel Detail : Cannes Lions International Advertising Festival 2008 /detail in France //Nat ฝากบอกมา
1 เงินสด ไม่จำเป็น ไม่ต้องพกมามาก แบงค์ใหญ่ เช่น ร้อย หรือ ห้าร้อยยูโร ไม่ควรแลกมา เพราะนานๆทีกว่าจะเห็นคนใช้ แล้วเอาไปซื้ออะไรเขาก็มักจะไม่มีทอน ต้องยุ่งยากไปแลกคนอื่นอีก เพราะอัตรค่าของกินตั้งเเต่น้ำไปจนถึงจานหลัก ยืนพื้นราคาธรรมดาจะไม่เกิน ยี่สิบถึงยี่สิบห้ายูโร นะ อัตราเงินไม่เหมือนบ้านเราที่กินทีก็เป็นหลักร้อย ฉะนั้นไม่จำเป็นอย่าถือเเบงค์ใหญ่จะอันตราย เป็นเป้าสายตาของมิจฉาชีพ
2 เป็นเรื่องที่พี่ปอถามมา เรื่องแต่งตัวแบบนักท่องเที่ยวกะไม่ท่องเที่ยวเป็นยังไง เพราะนักท่องเที่ยวดูง่าย เป็นแหล่งหากินของพวกวิ่งราว นักท่องเที่ยวจะมีสัมภาระมากกว่าคนปกติ มีทั้งเป้ ย่าม กระเป๋าสะพาย กระเป๋ากล้อง ถือแผนที่ ดูง่ายมาก และไม่พูดฝรั่ง ซึ่งมันหลีกเลี่ยงไม่ได้พวกนี้ ก็อยากให้พกกระเป๋าที่มันสะพายแล่ง หรือคาดเอวเอาไว้เก็บตัง หรือสำเนาพาสปอร์ต ส่วนพาสปอร์ตตัวจริงเอาไว้ที่ปลอดภัย
3 เรื่องแย่มาก ไม่ต้องแปลกใจที่เดินผ่านมุมอับที่ไหนจะเหม็นฉี่ เพราะเมืองนี้หาห้องน้ำสาธารณะยากมาก หรือมีก็ไม่ปลอดภัย จะพูดยาวเรื่องห้องน้ำนะเพราะพี่จะได้ตั้งตัวทัน อืม ถ้าพบห้องน้ำสาธารณะ มันจะเป็นตู้ๆเหมือนตู้เสื้อผ้า ตั้งอยู่ตามมุมถนน เเต่มันจะมีเวลาทำการนะ บางทีจะใช้ไม่ได้ จะเป็นแบบหยอดเหรียญ 20 ซองตีม ก่อนหยอดเหรียญต้องสังเกตุสัญญาณหน้าประตูว่าเป็นสีอะไร สีเขียว คือว่าง สีเเดงคือมีคนเข้า
ถ้าเป็นสีเเดง แล้วไม่ดูไปหยอดเหรียญเลย ประตูจะเปิดทันที แล้วเราจะเห็นคนนั่งถ่ายทุกข์อยู่ใจกลางหัวมุมถนน พร้อมเสียงกรี๊ดดดดดดดลั่นเลย นะ ถ้าพี่เข้าเองก็เช่นกัน ผลัดกันเฝ้าดีๆ อาจมีคนไม่สังเกดมาหยอดเหรียญ ให้อายขายขี้หน้าก็ได้
ห้องน้ำทุกแห่งหน ไม่มีน้ำล้างนะ บางทีก็ไม่มีคนดูแลกระดาษหมดประจำ ควรพกกระดาษทิชชู่ ติดตัวให้เป็นนิสัย กระดาษเช็ดตูดเด็ก อย่างที่พี่ตู่เอาไว้เช็ดหน้านักเเสดงน่ะ เราพกเอาไว้ทำความสะอาดเวลาฉุกเฉินที่เราต้องเข้าห้องน้ำสาธารณะนะจะดีมากๆ
ควรมีเหรียญยี่สิบซองตีมติดกระเป๋าตลอดเวลา ถึงแม้ว่าเราจะนั่งกินคาเฟ่อยู่ เป็นลูกค้าร้านเขา เเต่พอเราเข้าห้องน้ำบางร้าน เราก็ต้องหยอดตังให้เขา ถึงจะเข้าได้นะ
ถ้าเข้าร้านแมคโดนัล แล้วจะล้างมือ ที่อ่างล้างมือไมม่มีปุ่มกดใดๆ ให้น้ำไหลออกมา ไห้เอามือไปจ่อที่ก๊อกเลย เดี๋ยวมันก็ไหลออกมาเอง
Made with Slideshow Embed Tool
4 เรื่องการซื้อของ โดยเฉพาะของกิน หรืออะไรก็ตามจะซื้อไปกินเล่นบนห้อง ประมาณนั้น ราคาของแต่ละร้านไม่เท่ากันนะ ไม่มีการควบคุม ขึ้นอยู่กับเจ้าของร้าน ถ้าเดินไปๆเห็นร้านที่เหมือนร้านขายของชำ ร้านโชว์ห่วย นั่นคือร้านที่คนที่นี่เรียกว่าร้านอาหรับ หรือร้านแขก จะขายของแพงป้ายราคาของจะเป็นสติกเกอร์ๆ คิดเองติดเองน่ะ
ถ้าจะซื้อน้ำ ซื้อของใช้ ซื้ออะไรกิน ไปที่ร้านที่หน้าตาดีดี เป็น Super market มีอยู่ทั่วไปทุกเมือง ประมาณว่า mini lotus หรือเซเว่นบ้านเรา ของจะถูกกว่ามากทีเดียว มีชื่อเช่น MONOPRIX FRANPRIX ATAC G20 LIDLหรือ leaderprice ของจะถูกที่สุด เมือเห็นสัญลัก leaderprice สีน้ำเงินแดง น่ะอย่าไปเข้าร้านแขก ที่มักจะเอาผักผลไม้มาวางหน้าร้าน เป็นจุดสังเกต
ร้านจีน อาจจะหายากหน่อย เพราะมีอยู่เป็นย่านๆไป เข้าได้ ไม่เเพงมาก
Made with Slideshow Embed Tool
เวลาซื้อน้ำ ดูดีดี นะ เพราะคนที่นี่กินน้ำโซดากันเป็นส่วนใหญ่ เพื่อช่วยในการย่อย ดูที่ขวดว่ามีรูปอะไรที่สื่อถึงการอัดแก๊สไหม น้ำจืดธรรมดายี่ห้อที่เป็นที่รู้จักทั่วไป จะยี่ห้อ EVIAN หรือ VITTEL นะ ถ้าไปซื้อร้านที่มีคนขายก็บอกยี่ห้อเขาไป ถ้าที่ขวดเป็นรูปผลไม้ต่างๆ ทั้งที่ข้างในสีเหมือนน้ำเปล่า มันคือน้ำเปล่ากลิ่นผลไม้น่ะ จะผสมน้ำตาลนิดหน่อย อร่อยดี แน๊ตชอบ จะยี่ห้อประมาณ VOLVIC
น้ำอัดลม เบียร์ ถูกกว่าน้ำธรรมดา เพราะน้ำจืดที่นี่ทำมาจากน้ำเเร่ค่ะ
คนฝรั่งกินน้ำก๊อก เพราะสะอาดดีแล้ว เเต่ไม่ใช่น้ำเเร่เท่านั้นเอง น้ำก็อก กินได้ นะ เวลาไปร้านอาหาร น้ำจะเเพงมากกกกกกก ให้สั่งน้ำก๊อกมากินจะไม่เสียตัง บอกบริกรว่า UNE CARAFE D'EAU อึนข
อ่านว่า อึน กะฮาฟ โด เขาจะรู้ทันที ไม่ต้องเสียตัง
Made with Slideshow Embed Tool
5 ถ้าจะซื้อขนมปังสดทุกวัน ให้เดินเข้าร้านขนมปังไปเลย ไม่ต้องซื้อตามซูเปอร์ ถูก สดเเละอร่อยกว่า เพราะคนที่นี่กินหนมปังเป็นหลักน่ะ หนมปังฝรั่งเสด เรียกว่า บาแกตต์ ราคาไม่เกิน อันละหนึงยูโร ครัวซอง แปดสิบซองตีม ปีงโอชอคโกลา คือคล้ายๆครัวซองไส้ชอคโกแลต อร่อยดีนะ อันละ แปดสิบซองตีม เวลาเช้าๆ ซื้อกินรองท้อง จะสดมาก ทุกร้าน เวลาเช้า
6 ร้านขายเครป มีอยู่ทั่วไป ถ้าอยากกิน อันละประมาณไม่เกิน สี่ยูโร มีทั้งหวานและเค็ม ถ้าอยากกินหวานอยากให้ลองไส้ ชอคโกแลตยี่ห้อ นุเตลล่า มีอยู่ทุกร้าน ให้ลองสั่งว่า Nutella et Banane อ่านว่านุเตลล่า เอ็ด บานาน คือกล้วยน่ะ เป็นชอคโกแลตที่ทำมาจากเกาลัด หอม อร่อย แน๊ตกินประจำ
หรือถ้าหิว อยากกินเค็ม ลองสั่ง Jumbon et Fromage ดู แน๊ตคิดว่ามันกินได้ที่สุดเเล้วน่ะ คือไส้หมูเค็มกะชีท น่ะ อ่านว่า จำบง เอ็ด โฟหมาด นะ
7 ร้านขายอาหารที่พบอยู่ทั่วไป ทุกที่ คือร้าน KEBAB เป็นร้านเเขกอีกเเล้ว เเต่ ราคาอาหารไม่แพง สัญลักษณ์ เป็นรูป เนื้อชิ้นใหญ่ๆ เสียไม้เป็นก้อนๆรูปสาเหลี่ยมน่ะ เค้าให้เนื้อแกะนะ เอามาย่างเอา เรียกว่าเป็นอาหารประมณ ร้านก๋วยเตี๋ยวชายสี่บ้านเรานี่ล่ะ ไม่เเพง มีไก่ขายด้วย นะ ทุกร้านเหมือนกัน เมนูมีมาก อยากกินไปชี้ที่รูปเอาได้ เพราะคนเเขกส่วนใหญ่พูดอังกฤษไม่ได้ ถ้าเห็นรูปข้าวที่เป็นเม็ดเล็กๆร่วนๆ เหมือนข้าวหมู ในร้านพวกนี้ ไม่ต้องตกใจ เขาเรียกว่า เบล เป็นข้าวชนิดนึง อร่อยดี กินกะไก่อย่าง ราคาประมาณ เจ็ด ถึง แปด ยูโร
8 นาฬิกาข้อมือ พกไว้ติดตัวนะ เวลาสำคัญมาก จะมาดูฟ้าเหมือนบ้านเราไม่ได้ ตอนนี้หน้าร้อน สี่ทุ่มแล้วแดดยังออกอยู่เลย เดี๋ยวเที่ยวเพลิน ร้านขายของปิดประมาณ หกโมงเย็น ถึง สองทุ่ม นะ จะได้รีบซื้อสิ่งจำเป็นให้เสร็จเสียก่อน
ร้านขายอาหาร ยกเว้นร้านแขก เปิด เที่ยงวัน ถึงบ่ายสามโมง และเปิดอีกที ทุ่มนึงถึงเที่ยงคืนนะ ถ้าจะกินข้าว อย่าไปสาย เพราะ ช่วงเวลา ประมาณบ่ายสอง และ สี่ทุ่มครึ่ง ร้านอาหารจะเริ่มปิดครัว เหมือนร้านที่เเน๊ตทำงานนนี่ล่ะ เดี๋ยวจะไม่ได้กินข้าวกัน
9 แว่นกันแดด ควรเอามา ไม่ได้เพื่อเก๋หรอก ที่นี่ไม่มีตึกสูงใหญ่บังเเดด เเดด จะจิ้มตามาก ควรมีไว้จะเป็นดีที่สุด
10 ไม่ว่าเดินไปที่ไหน มีคนทักเรา บองชูว บองซัว ต้องตอบเขาไปด้วยว่าบองชูว หรือบองซัว โดยเฉพาะเวลาเข้าร้านขายของ หรือร้านอาหาร เขาถือเป็นมารยาทที่ดี แน๊ตเคยเจอเจ้าของบาร์โกรธลูกค้าที่ไม่ตอบกลับ เขาจะบองซัวๆ ๆๆจนกว่าจะตอบแน่ะ
11 พักนี้มีฝนตก ลมแรง และลูกเห็บตกมาก ไม่รู้ที่คานเป็นไง ถ้าไงหยูกยา ร่มที่เเข็งเเรง เพราะลมเเรงมาก เตรยมมาก็จะดี และถ้าฝนตก อากาศก็มักจะหนาว ถ้าขี้หนาวต้องมีเสื้อหนาวซักตัว กะถุงเท้าติดมาด้ายนะ
เท่าที่นึกออก และน่าจะเป็นประโยชน์คงประมาณนี้ ถ้ามีอะไร เดี๋ยวจะบอกนะ
แล้วเจอกันพี่
รองเท้าผ้าใบดีดี เบาๆ สบาย ระบายกลิ่นเท้าได้ก็จะดี มาปารีสอาจได้เดินเยอะ
Natt
Friday, 6 June 2008
Thursday, 5 June 2008
Hotel : Athenee Cannes
6 rue Lecerf - 06400 Cannes
Tel. 04 93 38 69 54
FAX 04 92 98 68 30
URGENT 06 09 31 87 20
E mail : contact@athenee.fr
http://www.athenee.fr/
http://www.athenee.fr/
http://www.fastbooking.com/hotel/FRS-815_fr-athenee.htm
http://www.venere.com/hotel/?htid=118814&lg=en&tripref=28015
Hotel description
3 Stars Hotel (15 rooms) in the center of Cannes, 200 meters from the sea and from the Palais des Festivals. A lot of shops and restaurants are around the hotel. Casinos and Cinemas are near by...
Local places of interest
Within less than 1 km from the hotel
• Palais des Festivals
• Beach
• Casino
• Isles St margerite
• Old town Within less than 10 km from the hotel
• Nice
• St Paul
• Mougins
• Marineland
• Juan les pins
Duration of the trip *
How to get there Distance on foot by car by public transportation Taxi
price *
Airport Nice Côte d... 30 Km - 30 mn 45 mn 70 €
Train station Cannes 1 Km 4 mn 1 mn 1 mn -
Juan les pins 5 Km - 7 mn 15 mn -
Antibes 9 Km - 8 mn 16 mn -
Nice 30 Km - 30 mn 45 mn -
*Indicative values
Parking
• Parking in hotel (payable)
• Parking nearby (payable)
Hours
• Rooms available from : 3:00 PM
• Rooms to be vacated by : 11:00 AM
Another Link:
The hotel Athenée is excellently located in Cannes, 5 minutes walk from the Croisette and the famous Palais des Festival. Public transportation for other parts of French riviera is also easy to reach. The hotel has a small meeting room and a Wi-Fi internet point.
Due to its central position in Cannes, the hotel Athenée, is the ideal place to enjoy the beach or the cultural events and night life.
The hotel has 15 rooms, single, double, junior suite, studio, triple and quadruple.
All the rooms are equipped with air conditioning, private bathroom, hairdryer, minibar, satellite TV, direct dial telephone, heating and Wi-Fi Internet connection.
Credit card accepted
Entire property is air conditioned
Pets accepted
Room service - limited hour
Front desk - 24 hour
Front desk - fax service
Front desk - safety deposit box
Luggage room
Meeting room
Garage
Internet/Email services
TV Room